วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

ระบบฐานข้อมูล

การสร้างรายงาน (REPORT)
ตอนที่ 1 แบบปรนัย
1. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทของรายงาน
ตอบ ง. Chat
2. มุมมองของรายงานที่เพิ่มเข้ามาใหม่ใน Access 2007 คือมุมมองใด
ตอบ ก. Layout View
3. Page Footer คือส่วนใด
ตอบ ค.ส่วนที่ต้องการแสดงผลข้อมูลให้ปรากฏอยู่ที่ส่วนท้ายของทุกๆหน้ารายงาน
4 หลังจากแทรกชื่อเรื่อง(Title)ของรายงานแล้ว จะแสดงพื้นที่ส่วนใดของรายงานให้อัตโนมัติ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
5. ผลลัพธ์ในการสร้างรายงานแบบอัตโนมัติจะมีลักษณะของรายงานเป็นแบบใด
ตอบ ง. Label
6. ถ้าต้องการสร้างรายงานโดยให้มีการจัดกลุ่มของข้อมูลด้วย จะต้องสร้างรายงานด้วยวิธีใด
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
7. ถ้าต้องการสรุปข้อมูลในรายงานโดยให้แสดงอยู่ที่ส่วนท้ายสุดของรายงานจะต้องกำหนดที่ตำแหน่งใด
ตอบ ข. Page Footer
8. ในการป้อนข้อมูลสูตรฟังก์ชั่นจะต้องใช้เครื่องมือใด
ตอบ ข. Text box
9. ฟังก์ชั่นใดที่ใช้ในการหาค่าเฉลี่ยของข้อมูล
ตอบ ง. Avg
10. ข้อใดต่อไปนี้เป็นการเขียนสูตรฟังก์ชั่นในการหาผลรวมของฟิลด์เงินเดือน
ตอบ ข.= Sum ([Salary])
ตอนที่ 2 จับคู่
1. ฌ Columnar Report ก.ส่วนในการแสดงฟิลด์ข้อมูลที่ดึงมาจากตาราง
2. จ Tabular Report ข.รายละเอียดในส่วนหัวรายงานที่แสดงในหน้าแรก
3. ฉ Label Report ค.แสดงเลขหน้าปัจจุบัน
4. ญ Page Header ง.รวมข้อมูลทั้งหมด
5. ข Report Header จ.แสดงข้อมูลทุกเรคอร์ดใน 1 หน้ารายงาน
6. ก Detail ฉ.พิมพ์ป้ายฉลากติดซองจดหมาย
7. ช Pages ช.แสดงเลขหน้าทั้งหมด
8. ค Page ซ.แสดงข้อมูลโดยเรียงฟิลด์แต่ละเรคคอร์ดจากบนลงล่าง
9. ง Sum ฌ.นับจำนวนทั้งหมด
10. ซ Count ญ.รายละเอียดในส่วนหัวรายงานที่แสดงทุกหน้าของรายงาน

ตอนที่ 3 แบบอัตนัย
1. การสร้างรายงานมีกี่แบบ อะไรบ้าง และแต่ละแบบมีประโยชน์อย่างไร
ตอบ มี 3 แบบ คือ
1. รายงานแบบคอลัมน์ (Columnar Report) เรียงฟิลด์แต่ละเรคคอร์ดจากบนลงล่างทีละ 1 เรคคอร์ด
2. รายงานแบบตาราง (Tabular Report) แสดงแบบแถวและคอลัมน์ แสดงข้อมูลทุกเรคคอร์ดใน 1 หน้ารายงาน
โดยเรียงจากซ้ายไปทางขวาของรายงาน
3. รายงานแบบป้ายชื่อ (Label Report) สำหรับพิมพ์ป้ายฉลากต่าง ๆ เช่น ฉลากติดซองจดหมาย เป็นต้น
2. จงบอกถึงส่วนประกอบของรายงาน และแต่ละส่วนมีหน้าที่อะไร
ตอบ 1. Report Header คือ พื้นที่ในส่วนหัวของรายงาน เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงข้อความหรือรายละเอียดที่ต้องการแสดงในหน้าแรกของรายงานเท่านั้น เช่น โลโก้ของรายงาน แสดงชื่อรายงาน เป็นต้น
2.Page Header คือ พื้นที่ในส่วนหัวของหน้ากระดาษ เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงข้อความหรือรายละเอียดที่ต้องการแสดงในทุกๆหน้าของรายงาน เช่น แสดงชื่อกำกับฟิลด์(รายงานแบบตาราง) แสดงเลขหน้าเป็นต้น
3. Detail คือ พื้นที่ในการแสดงข้อมูลที่ดึงมาจากฐานข้อมูล ทั้งในตารางและในแบบสอบถามข้อมูล
4. Page Footer คือ พื้นที่ในส่วนท้ายของกระดาษ เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงข้อความ
หรือรายละเอียดที่ต้องการแสดงในทุกๆหน้าของรายงาน เช่น แสดงเลขหน้า เป็นต้น
5. Report Footer คือ พื้นที่ในส่วนท้ายของรายงาน เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงข้อความหรือรายละเอียดที่ต้องการแสดงในหน้าสุดท้ายของรายงานเท่านั้น เช่น แสดงผลการคำนวณ แสดงวันที่จัดพิมพ์ เป็นต้น
3. จงอธิบายขั้นตอนการสร้างรายงานแบบ Report Wizard
ตอบ 1. คลิกที่แท็บ Create
2.คลิกเลือก Report Wizard ในกลุ่มของ Reports
3.เลือกตารางหรือแบบสอบถามข้อมูลที่ต้องการนำมาสร้างรายงาน
4.คลิกเลือกฟิลด์ที่ต้องการ แล้วคลิกปุ่ม > เพื่อเลือกทีละฟิลด์ หรือคลิกปุ่ม >> เพื่อนเลือกฟิลด์ทั้งหมด
5.แล้วคลิกปุ่ม Next>
6.เลือกข้อมูลที่ต้องการแสดงรายละเอียด
7.แล้วคลิกปุ่ม Next>
8.เลือกฟิลด์ที่ต้องการ แบ่งกลุ่มข้อมูล แล้วคลิกที่ปุ่ม >เพื่อเลือกฟิลด์
9.แล้วคลิกปุ่ม Next>
10.เลือกฟิลด์ที่ต้องการเรียงลำดับ ถ้าต้องการเรียงลำดับข้อมูลจากน้อยไปหามากให้คลิกที่ปุ่ม Ascendingและคลิกที่ปุ่มDescending ถ้าต้องการเรียนจากมากไปหาน้อย
11.แล้วคลิกปุ่ม Next>
12. เลือกรูปแบบตำแหน่งการจัดวางรายงานที่ Layoutและที่Orientationเลือกแนวกระดาษเลือก Portraitสำหรับแนวตั้งและ Landscape สำหรับแนวนอน
13.แล้วคลิกปุ่ม Next>
14.เลือกสไตล์หรือรูปแบบรายงานที่ต้องการ
15.แล้วคลิกปุ่ม Next>
16.ตั้งชื่อรายงานที่ต้องการ และเลือกการแสดงผลรายงานในมุมมองตัวอย่างก่อนพิมพ์หรือมุมมองในการแก้ไขรายงาน
17.แล้วคลิกปุ่ม Finish
4.อธิบายขั้นตอนการสร้างรายงานแบบ Label Wizard
ตอบ 1. คลิกที่แท็บ Create
2.เลือกตารางหรือแบบสอบถามข้อมูลที่ต้องการนำมาสร้างเลเบล
3.คลิกที่ปุ่ม Labelsในกลุ่มของ Reports จากนั้นจะแสดงหน้าจอให้เลือกขนาดของเลเบล
4.เลือกขนาดของแถบที่ต้องการ ซึ่งถ้าหารต้องการกำหนดขนาดของเลเบลใหม่ให้คลิกที่ปุ่ม Customize แล้วกำหนดขนาดใหม่
5.แล้วคลิกปุ่ม Next>
6.กำหนดรูปแบบที่ต้องการแสดง
7.แล้วคลิกปุ่ม Next>
8.คลิกเลือกฟิลด์ที่ต้องการแสดงในเลเบล โดยคลิกปุ่ม > เพื่อเลือกข้อมูล ซึ่งถ้าหากต้องการเว้นวรรคในแต่ละฟิลด์ ให้กดปุ่ม Spacebar ที่แป้นพิมพ์ และถ้าต้องการขึ้นบรรทัดใหม่ก็สามารถกดปุ่ม Enterได้
9.แล้วคลิกปุ่ม Next>
10.เลือกฟิลด์ที่ต้องการเรียงลำดับข้อมูลใน เลเบล โดยคลิกปุ่ม > เพื่อเลือกฟิลด์ข้อมูล
11.แล้วคลิกปุ่ม Next>
12.ตั้งชื่อรายงานและเลือกการแสดงผล เลเบล ในมุมมองตัวอย่างก่อนพิมพ์หรือมุมมองในการแก้ไขเลเบล
13.แล้วคลิกปุ่ม Finish
5.จงบอกถึงข้อดีและข้อเสียของรายงานแบบอัตโนมัติ
ตอบ ข้อดี ข้อเสีย
-สะดวกรวดเร็ว - ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในตารางได้ในขณะที่พิมพ์ออกมาได้แบบฟอร์ม
-สามารถคำนวณข้อมูลได้
-สามารถพิมพ์ออกมาได้

ระบบฐานข้อมูล

การสร้างรายงาน (REPORT)
ตอนที่ 1 แบบปรนัย
1. ข้อใดต่อไปนี้ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทของรายงาน
ตอบ ง. Chat
2. มุมมองของรายงานที่เพิ่มเข้ามาใหม่ใน Access 2007 คือมุมมองใด
ตอบ ก. Layout View
3. Page Footer คือส่วนใด
ตอบ ค.ส่วนที่ต้องการแสดงผลข้อมูลให้ปรากฏอยู่ที่ส่วนท้ายของทุกๆหน้ารายงาน
4 หลังจากแทรกชื่อเรื่อง(Title)ของรายงานแล้ว จะแสดงพื้นที่ส่วนใดของรายงานให้อัตโนมัติ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ
5. ผลลัพธ์ในการสร้างรายงานแบบอัตโนมัติจะมีลักษณะของรายงานเป็นแบบใด
ตอบ ง. Label
6. ถ้าต้องการสร้างรายงานโดยให้มีการจัดกลุ่มของข้อมูลด้วย จะต้องสร้างรายงานด้วยวิธีใด
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
7. ถ้าต้องการสรุปข้อมูลในรายงานโดยให้แสดงอยู่ที่ส่วนท้ายสุดของรายงานจะต้องกำหนดที่ตำแหน่งใด
ตอบ ข. Page Footer
8. ในการป้อนข้อมูลสูตรฟังก์ชั่นจะต้องใช้เครื่องมือใด
ตอบ ข. Text box
9. ฟังก์ชั่นใดที่ใช้ในการหาค่าเฉลี่ยของข้อมูล
ตอบ ง. Avg
10. ข้อใดต่อไปนี้เป็นการเขียนสูตรฟังก์ชั่นในการหาผลรวมของฟิลด์เงินเดือน
ตอบ ข.= Sum ([Salary])
ตอนที่ 2 จับคู่
1. ฌ Columnar Report ก.ส่วนในการแสดงฟิลด์ข้อมูลที่ดึงมาจากตาราง
2. จ Tabular Report ข.รายละเอียดในส่วนหัวรายงานที่แสดงในหน้าแรก
3. ฉ Label Report ค.แสดงเลขหน้าปัจจุบัน
4. ญ Page Header ง.รวมข้อมูลทั้งหมด
5. ข Report Header จ.แสดงข้อมูลทุกเรคอร์ดใน 1 หน้ารายงาน
6. ก Detail ฉ.พิมพ์ป้ายฉลากติดซองจดหมาย
7. ช Pages ช.แสดงเลขหน้าทั้งหมด
8. ค Page ซ.แสดงข้อมูลโดยเรียงฟิลด์แต่ละเรคคอร์ดจากบนลงล่าง
9. ง Sum ฌ.นับจำนวนทั้งหมด
10. ซ Count ญ.รายละเอียดในส่วนหัวรายงานที่แสดงทุกหน้าของรายงาน

ตอนที่ 3 แบบอัตนัย
1. การสร้างรายงานมีกี่แบบ อะไรบ้าง และแต่ละแบบมีประโยชน์อย่างไร
ตอบ มี 3 แบบ คือ
1. รายงานแบบคอลัมน์ (Columnar Report) เรียงฟิลด์แต่ละเรคคอร์ดจากบนลงล่างทีละ 1 เรคคอร์ด
2. รายงานแบบตาราง (Tabular Report) แสดงแบบแถวและคอลัมน์ แสดงข้อมูลทุกเรคคอร์ดใน 1 หน้ารายงาน
โดยเรียงจากซ้ายไปทางขวาของรายงาน
3. รายงานแบบป้ายชื่อ (Label Report) สำหรับพิมพ์ป้ายฉลากต่าง ๆ เช่น ฉลากติดซองจดหมาย เป็นต้น
2. จงบอกถึงส่วนประกอบของรายงาน และแต่ละส่วนมีหน้าที่อะไร
ตอบ 1. Report Header คือ พื้นที่ในส่วนหัวของรายงาน เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงข้อความหรือรายละเอียดที่ต้องการแสดงในหน้าแรกของรายงานเท่านั้น เช่น โลโก้ของรายงาน แสดงชื่อรายงาน เป็นต้น
2.Page Header คือ พื้นที่ในส่วนหัวของหน้ากระดาษ เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงข้อความหรือรายละเอียดที่ต้องการแสดงในทุกๆหน้าของรายงาน เช่น แสดงชื่อกำกับฟิลด์(รายงานแบบตาราง) แสดงเลขหน้าเป็นต้น
3. Detail คือ พื้นที่ในการแสดงข้อมูลที่ดึงมาจากฐานข้อมูล ทั้งในตารางและในแบบสอบถามข้อมูล
4. Page Footer คือ พื้นที่ในส่วนท้ายของกระดาษ เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงข้อความ
หรือรายละเอียดที่ต้องการแสดงในทุกๆหน้าของรายงาน เช่น แสดงเลขหน้า เป็นต้น
5. Report Footer คือ พื้นที่ในส่วนท้ายของรายงาน เป็นส่วนที่ใช้ในการแสดงข้อความหรือรายละเอียดที่ต้องการแสดงในหน้าสุดท้ายของรายงานเท่านั้น เช่น แสดงผลการคำนวณ แสดงวันที่จัดพิมพ์ เป็นต้น
3. จงอธิบายขั้นตอนการสร้างรายงานแบบ Report Wizard
ตอบ 1. คลิกที่แท็บ Create
2.คลิกเลือก Report Wizard ในกลุ่มของ Reports
3.เลือกตารางหรือแบบสอบถามข้อมูลที่ต้องการนำมาสร้างรายงาน
4.คลิกเลือกฟิลด์ที่ต้องการ แล้วคลิกปุ่ม > เพื่อเลือกทีละฟิลด์ หรือคลิกปุ่ม >> เพื่อนเลือกฟิลด์ทั้งหมด
5.แล้วคลิกปุ่ม Next>
6.เลือกข้อมูลที่ต้องการแสดงรายละเอียด
7.แล้วคลิกปุ่ม Next>
8.เลือกฟิลด์ที่ต้องการ แบ่งกลุ่มข้อมูล แล้วคลิกที่ปุ่ม >เพื่อเลือกฟิลด์
9.แล้วคลิกปุ่ม Next>
10.เลือกฟิลด์ที่ต้องการเรียงลำดับ ถ้าต้องการเรียงลำดับข้อมูลจากน้อยไปหามากให้คลิกที่ปุ่ม Ascendingและคลิกที่ปุ่มDescending ถ้าต้องการเรียนจากมากไปหาน้อย
11.แล้วคลิกปุ่ม Next>
12. เลือกรูปแบบตำแหน่งการจัดวางรายงานที่ Layoutและที่Orientationเลือกแนวกระดาษเลือก Portraitสำหรับแนวตั้งและ Landscape สำหรับแนวนอน
13.แล้วคลิกปุ่ม Next>
14.เลือกสไตล์หรือรูปแบบรายงานที่ต้องการ
15.แล้วคลิกปุ่ม Next>
16.ตั้งชื่อรายงานที่ต้องการ และเลือกการแสดงผลรายงานในมุมมองตัวอย่างก่อนพิมพ์หรือมุมมองในการแก้ไขรายงาน
17.แล้วคลิกปุ่ม Finish
4.อธิบายขั้นตอนการสร้างรายงานแบบ Label Wizard
ตอบ 1. คลิกที่แท็บ Create
2.เลือกตารางหรือแบบสอบถามข้อมูลที่ต้องการนำมาสร้างเลเบล
3.คลิกที่ปุ่ม Labelsในกลุ่มของ Reports จากนั้นจะแสดงหน้าจอให้เลือกขนาดของเลเบล
4.เลือกขนาดของแถบที่ต้องการ ซึ่งถ้าหารต้องการกำหนดขนาดของเลเบลใหม่ให้คลิกที่ปุ่ม Customize แล้วกำหนดขนาดใหม่
5.แล้วคลิกปุ่ม Next>
6.กำหนดรูปแบบที่ต้องการแสดง
7.แล้วคลิกปุ่ม Next>
8.คลิกเลือกฟิลด์ที่ต้องการแสดงในเลเบล โดยคลิกปุ่ม > เพื่อเลือกข้อมูล ซึ่งถ้าหากต้องการเว้นวรรคในแต่ละฟิลด์ ให้กดปุ่ม Spacebar ที่แป้นพิมพ์ และถ้าต้องการขึ้นบรรทัดใหม่ก็สามารถกดปุ่ม Enterได้
9.แล้วคลิกปุ่ม Next>
10.เลือกฟิลด์ที่ต้องการเรียงลำดับข้อมูลใน เลเบล โดยคลิกปุ่ม > เพื่อเลือกฟิลด์ข้อมูล
11.แล้วคลิกปุ่ม Next>
12.ตั้งชื่อรายงานและเลือกการแสดงผล เลเบล ในมุมมองตัวอย่างก่อนพิมพ์หรือมุมมองในการแก้ไขเลเบล
13.แล้วคลิกปุ่ม Finish
5.จงบอกถึงข้อดีและข้อเสียของรายงานแบบอัตโนมัติ
ตอบ ข้อดี ข้อเสีย
-สะดวกรวดเร็ว - ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลในตารางได้ในขณะที่พิมพ์ออกมาได้แบบฟอร์ม
-สามารถคำนวณข้อมูลได้
-สามารถพิมพ์ออกมาได้

ระบบฐานข้อมูล

แบบฝึกหัดบทที่ 4 การสร้างฟอร์ม (Form)

1.ความหมายของฟอร์ม (Form)
ตอบ คือ หน้าจอสำหรับติดต่อกับผู้ใช้งาน ที่สร้างขึ้นมาเพื่อนช่วยให้ผู้ใช้ทำงานกับข้อมูลในตารางได้สะดวกกว่าการใช้มุมมองแผ่นตารางข้อมูล (Datasheet View) และยังช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับแอปพลิเคชั่นที่ได้สร้างขึ้นมาอีก
2.ประเภทของฟอร์มมีกี่แบบ อะไรบ้าง
ตอบ มี 5 แบบ คือ
1.ฟอร์มแบบคอลัมน์ (Columnar Form) หรือฟอร์มเดี่ยว ซึ่งเป็นฟอร์มที่แสดงข้อมูล หนึ่งเรดคอร์ดต่อหนึ่งหน้าของฟอร์ม
2.ฟอร์มแบบตาราง(Tabular Form) เป็นฟอร์มที่แสดงข้อมูลทุกเรดคอร์ด
3.ฟอร์มแบบแผ่นตารางข้อมูล (Datasheet Form) เป็นฟอร์มที่แสดงทุกเรดคอร์ดในลักษณะแผ่นตาราง เช่นเดียวกับตาราง (Table)
4.ฟอร์มแบบตารางสรุปข้อมูลหลายมิติ(Pivot Table Form) เป็นฟอร์มที่ใช้แสดงข้อมูลหลายมิติหรือหลายฟิลด์ ทำให้สามารถดูข้อมูลได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
5.ฟอร์มแบบแผนภูมิสรุปข้อมูลหลายมิติ(Pivot Chart Form) เป็นฟอร์มที่ใช้แสดงข้อมูลในลักษณะแผนภูมิ ซึ่งสามารถดูข้อมูลได้หลายฟิลด์ที่ต้องการ
3.มุมมองของฟอร์มมีกี่มุมมอง อะไรบ้าง
ตอบ 3 มุมมอง คือ
1.มุมมองเค้าโครง (Layout View) เป็นมุมมองใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใน Access 2007 ซึ่งคล้ายกับมุมมองการออกแบบตรงที่สามารถจัดรูปแบบของฟอร์มได้ในบางส่วน เช่น การกำหนดสี ปรับขนาดอักษร ปรับขนาดฟิลด์ เป็นต้น แต่แสดงข้อมูลคล้ายในมุมมองฟอร์ม
2.มุมมองการออกแบบ (Design View) เป็นมุมมองสำหรับสร้างและออกแบบฟอร์ม
3.มุมมองฟอร์ม (Form View) เป็นมุมมองในการแสดงผลข้อมูลและใช้งานฟอร์ม ซึ่งไม่สามารถแก้ไขฟอร์มได้
4.เครื่องมือที่ใช้ในการจัดรูปแบบฟอร์มมีอะไรบ้าง
ตอบ 10 รูปแบบ คือ
1. ปุ่ม Form (ฟอร์มแบบคอลัมน์) เป็นคำสั่งแสดงข้อมูลทีละ 1 เรคคอร์ด
2. ปุ่ม Split Form (ฟอร์มแยก) สามารถเห็น 2 มุมมองในเวลาเดียวกัน คือมุมมองฟอร์มและมุมมองแผ่นตารางข้อมูล แสดงรายการของเรคคอร์ดทั้งหมด
3. ปุ่ม Multiple Items (หลายรายการ) สร้างฟอร์มแบบตาราง
4. ปุ่ม PivotChart เป็นการสร้างแผนภูมิ เพื่อสรุปผลข้อมูลแบบหลายมิติ
5. ปุ่ม From Wizard (ฟอร์มเพิ่มเติม-->ตัวช่วยสร้างฟอร์ม) ใช้เครื่องมือช่วยสร้างฟอร์มที่ เรียกว่า วิซาร์ด ทำให้การสร้างฟอร์มง่ายและเร็วยิ่งขึ้น
6. ปุ่ม Datasheet (แผ่นข้อมูล) สร้างฟอร์มในรูปแบบแผ่นตารางข้อมูล แสดงได้หลายเรคคอร์ดต่อ 1 หน้า สะดวกในการใช้งานกับแป้นพิมพ์ แต่ไม่สามารถสร้างปุ่มคำสั่งบนฟอร์มได้
7. ปุ่ม Modal Dialog (กล่องโต้ตอบ) สร้างฟอร์มในลักษณะไดอะล็อกบ็อกซ์ มีการกำหนดคุณสมบัติแบบ Popup และมีปุ่มในการทำงานให้อัตโนมัติ
8. ปุ่ม PivotTable สำหรับสร้างตารางสรุปข้อมูล
9. ปุ่ม Blank Form (ฟอร์มเปล่า) สร้างฟอร์มเปล่าด้วยการออกแบบเอง จะเข้าสู่การสร้างในมุมมองเค้าโครง(Layout View)
10. ปุ่ม Form Design (ออกแบบฟอร์ม) สร้างฟอร์มเปล่าด้วยการออกแบบเอง

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แบบทดสอบให้เขียนโปรแกรมภาษาHtml





รายชื่อนักศึกษา





รายชื่อนักศึกษาระดับปวส.1 สทส.1

สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ประจำปีภาคเรียนที่1/2554
ลำดับชื่อ-สกุลชื่อเว็บไซต์บล๊อก
1นายพงศกร นามสุดใจhttp://piingpong48.blogspot.com/
2นายขันติ เข็มทองhttp://jojoget777.blogspot.com/
3นายทศพร ไทยประดิษฐ์http://bigbill235.blogspot.com/
4นายธันวา ไชยเดชhttp://jonaja.blogspot.com/
5นายอภิศักดิ์ กองศรีhttp://exromantic.blogspot.com/
6นายศุภชัย ภิยะแพทย์http://suppachai-artzii.blogspot.com/
7นายภานุพันธ์ ปราณีhttp://panupan32.blogspot.com/
8นายศราวุธ หมวกไหมhttp://toomtamdisny.blogspot.com/
9นายศิริศักดิ์ วิสัยhttp://sirisakwisai.blogspot.com/
10นางสาวมุกดา บัวบกhttp://mukda325.blogspot.com/

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ระบบฐานข้อมูล

แบบฝึกหัดท้ายบทที่2
ตอนที่ 1 แบบปรนัย
1.ข้อใดกล่าวถึงความหมายของตาราง(Table)ได้ชัดเจนที่สุด
ตอบ    ง. ออบเจ็กต์ที่เก็บข้อมูลในฐานข้อมูล
2.ข้อใดต่อไปนี้กล่าวผิด
ตอบ    ง. Attachment เป็นชนิดข้อมูลสำหรับสร้างจุดเชื่อมโยงไปยังไฟล์
3.ฟิลด์(Field)หมายถึงอะไร
ตอบ    ค. คอลัมน์
4.เรคคอร์ด(Record)หมายถึงอะไร
ตอบ     ง. ข้อมูล
5.ชนิดข้อมูลแบบ(Text)สามารถเก็บข้อมูลได้กี่ตัวอักษร
ตอบ      ค. 255
6.ถ้าต้องการกำหนดฟิลด์ในการเก็บข้อมูลจำนวนมากๆจะต้องเลือกชนิดข้อมูลแบบใด
ตอบ      ก.  Memo
7.มุมมองที่ใช้ในการสร้างตารางด้วยการออกแบบเองคือมุมมองใด
ตอบ       ก.  Design View
8.ชนิดความสัมพันธ์ของข้อมูลมีกี่แบบ
ตอบ       ข.  3 แบบ
9.ข้อใดต่อไปนี้ ไม่สามารถ นำมาประกอบในการตั้งชื่อฟิลด์ข้อมูลได้
ตอบ       ง. เครื่องหมายจุด(.)
10.ถ้าต้องการเรียงลำดับข้อมูลในตารางจากน้อยไปหามาก จะต้องใช้เครื่องมือใด
ตอบ        ก. Ascending


ตอนที่
2
  ให้นักเรียนจับคู่ต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
1.        Field                                   ก.  กำหนดรูปแบบในการป้อนข้อมูล
2.          Record                               ข.  เก็บข้อมูลประเภทรูปภาพ
3.          Memo                                ค.  เรียงลำดับข้อมูลจากน้อยไปหามาก
4.         OLE object                         ง.  ข้อมูลในแนวแถว
5.         Currency                             จ.  เก็บข้อมูลประเภทข้อมูลที่มีความยาวมากๆ
6.        Attachment                          ฉ.  กำหนดรูปแบบแสดงข้อมูล
7.          Input Mask                         ช.  เรียงลำดับข้อมูลจากมากไปหาน้อย
8.         Format                                ซ.  เก็บข้อมูลที่เป็นตัวเลขทางการเงิน
9.          Descending                         ฌ.  ข้อมูลในแถวคอลัมน์
10.        Ascending                           ญ.  เก็บเอกสารและแฟ้มไบนารี่ทุกชนิดในฐานข้อมูล
ตอนที่ 3  แบบอัตนัย
1.จงอธิบายประโยชน์ที่ได้รับจากการสร้างตาราง
          คือ การจัดการข้อมูลมีประสิทธิภาพสูง  ผู้ใช้สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว มีการจัดเป็นระเบียบ
2.จงบอกถึงคุณสมบัติในการเลือกฟิลด์ข้อมูลที่จะนำมาเป็นคีย์หลัก(Primary Key)
          คือ ข้อมูลของแอททริบิวท์มีความเป็นหนึ่งเดียว(Uniqueness) ทุกแถวของตารางจะต้องไม่มีข้อมูลของแอททริบิวท์ที่เป็นคีย์หลักซ้ำกันเลย
         ต้องประกอบด้วยจำนวนแอททริบิวท์ที่น้อยที่สุด()ที่จะสามารถใช้เจาะจงหรืออ้างอิงถึงแถวใดแถวหนึ่งในรีเลชันได้
3.อธิบายความแตกต่างในการสร้างตารางด้วยมุมมองการออกแบบ(Table Design)และมุมมองแผ่นตารางข้อมูล(Datasheet View)
       คือ     การสร้างตารางด้วยมุมมองการออกแบบ เป็นการกำหนดฟิลด์ข้อมูลของตาราง ชนิดข้อมูล และคุณสมบัติของฟิลด์แต่ละฟิลด์ แต่การสร้างตารางแผ่นตารางข้อมูลจะเป็นการป้อนข้อมูลที่จะเก็บไว้ในตาราง
4.จงบอกขั้นตอนในการสร้างตารางด้วยมุมมองการออกแบบว่ามีขั้นตอนอย่างไร
    1.คลิกเข้าไปในโปแกรม Microsoft Access 2007 แล้วเลือกที่ฐานข้อมูลเปล่า กำหนดชื่อฐานข้อมูล กำหนดไฟล์ที่ต้องการจะเก็บข้อมูล แล้วกด สร้าง
    2.คลิกเข้าไปที่เมนูมุมมองแล้ว เลือก เมนูการสร้างตารางด้วยมุมมองการออกแบบ
    3.กำหนดชื่อของตาราง
    4.กำหนดชื่อของเขตของข้อมูล
    5.กำหนดชนิดของข้อมูล
    6.กำหนดชื่อคำอธิบายแล้วกำหนดขนาดของขอบเขตข้อมูล
5.ในการสร้างตารางด้วยแม่แบบ(Template)มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
             ข้อดี                                                                                     ข้อเสีย
ทำงานได้สะดวกและรวดเร็ว                                          จะไม่ตรงต่อความต้องการทั้งหมดแต่เรา                                                                                        สามารถเปลี่ยนเองได้       



วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วิชา โปรแกรมเว็ป 1

แบบฝึกหัดที่1

1.อินเตอร์เน็ตหรือที่เรียกกันสั้นๆว่าอย่างไร คืออะไร

ตอบ เรียกสั้นๆว่า"เน็ต" คือ ระบบเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุด ที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่องเข้าด้วยกัน จนเรียกกันได้ว่าเป็น

"เครือข่ายไร้พรมแดน" โดยอาศัยโครงสร้างระบบสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่สะดวก

และรวดเร็ว

2.ลักษณะของระบบอินเตอร์เน็ตมีลักษณะอย่างไร

ตอบ ลักษณะของระบบอินเตอร์เน็ตจะอยู่ในลักษณะ "ไคลเอนท์-เซิร์ฟเวอร์"(Client-Server)คือ มีเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่

เป็นเซิร์ฟเวอร์ คือ "เครื่องแม่ข่าย"หรือ ผู้ให้บริการกับเครื่องที่เป็นไคลเอนท์ คือ "เครื่องลูกข่าย"หรือ ผู้ขอใช้บริการมีการติดต่อสื่อ

สารกันตลอดเวลา ในการติดต่อสื่อสารจะมีชื่อ ที่อยู่ เพื่อจะได้ทราบว่า ข้อมูลถูกส่งมาจากไหน และมีปลายทางอยู่ที่ใด ซึ่ง ชื่อที่อยู่

ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อินเตอร์เน็ตจะเรียกกันว่า "ไอพีแอดเดรส"(IP Address)เป็นตัวเลขล้วนๆ4ชุดแต่ละชุดมีค่าระหว่าง

0-225คั่นด้วยจุด เช่น 202.146.15.9

3."ไคลเอนท์-เซิอร์เวอร์"(Client-Server)คืออะไร

ตอบ

4.ชื่อที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในอินเตอร์เน็ต เรียกกันว่าอย่างไร พร้อมยกตัวอย่าง

ตอบ

5.บอกประโยชน์ของอินเตอร์เน็ตมาอย่างน้อย5อย่าง

ตอบ1.การติดต่อสื่อสาร รับ-ส่ง จดหมายทางอินเตอร์เน็ต 2. อินเตอร์เน็ตเหมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ ใช้ค้นคว้าหาข้อมูลข่าว

สารต่างๆ ได้รอบโลกไม่ว่าที่ใดก็สามารถหาข้อมูลได้ 3.ซื้อสินค้าและบริการต่างๆทางอินเตอร์เน็ต เช่น สั่งหนังสือ ดูราคาสินค้าเป็น

ต้น 4.ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อความบันเทิง เช่น เล่นเกมออนไลน์พร้อมๆกันหลายคน ดูหนัง ฟังเพลงจากอินเตอร์เน็ต 5.ใช้อินเตอร์เน็ต

เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ผ่านทางเว็บไซต์ เช่น www.tv3.co.th เว็บไซต์ของ สถานีช่อง 3 เป็นต้น

6.ยกตัวอย่างภัยจากอินเตอร์เน็ตที่มีต่อเยาวชนไทยในปัจจุบันมา3ข้อ

ตอบ1.สื่อลามกผ่านอินเตอร์เน็ต เช่น เว็บบอร์ดลับ ส่งภาพหรือไฟล์ลามกผ่านทางอีเมล์ 2.การแชท (Chat)สนทนาผ่างทาง

อินเตอร์เน็ต 3.การติดเกมออนไลน์

7.เวิลด์ไวด์เว็ป(World Wide Web หรือ WWW หรือ W3)คืออะไร

ตอบ

8.รูปแบบของFTPแบ่งได้เป็นกี่แบบ อะไรบ้าง

ตอบ

9.เว็บบราวเซอร์(Web Browser)หมายถึงอะไร

ตอบ

10.URL (Uniform Resource Locator)คืออะไร ยกตัวอย่างรูปแบบ URL

ตอบ การเข้าถึงข้อมูลใดๆในอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นเว็บเพจ หรือไฟล์ประเภทอื่น จะต้องรู้ที่อยู่(Address)ของข้อมูลเน้น รูปแบบ

ของที่อยู่นี้ถูกกำหนดไว้เป็นมาตรฐานเรียกว่า URL


ตอนที่ 2
1. ค.
2. ข.
3. ข.
4. ค.
5. ค.
6. ง.
7. ค.
8. ข.
9. ก.
10. ค.
11. ข.
12. ก
13. ค.
14. ง.
15 .ง.